วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2555

อิ่มไม่อั้นกับอาหารญี่ปุ่น @INAHO ต่อด้วยการไปเอาใจบรรดาคนรักแมวที่ร้านเค้กชวนฝัน Purr Cat Cafè Club

สวัสดีค่ะทุกคน หลังจากที่เนมีไม่ได้เขียนบล็อกมาหลายวัน ในที่สุดวันนี้ก็ได้โอกาสกลับมาอั๊ปเดทบล็อกอีกครั้ง รอบนี้เราไปกันสองร้าน มีทั้งมื้อหลักและขนมหวานเลยค่ะ!!

สำหรับที่แรกที่เราไปมีชื่อร้านว่า INAHO นะคะ เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น วิธีไปก็ไม่ยากค่ะ ลง BTS สถานีศาลาแดงแล้วเดินต่อไปทางโรงแรมดุสิตธานี เลี้ยวขวา แล้วตรงไปเรื่อยๆได้เลยค่ะ มีให้เลือกทั้งเมนูบุฟเฟ่ต์และเมนูปกตินะคะ เลือกได้
ในส่วนของราคาบุฟเฟ่ต์จะอยู่ที่คนละ 350 บาทค่ะ เครื่องดื่มในส่วนของบุฟเฟ่ต์จะเป็นชาเขียวเย็นค่ะ(ทุกโต๊ะเหมือนกันหมด)
อ้อ!! ลืมบอกไปว่า ร้านนี้เค้าเปิดบริการ 2 เวลานะคะ รอบกลางวันจะเปิดตั้งแต่ 11.00-14.00 น. ส่วนรอบเย็นจะเป็น 17.00-22.00 น.(ครัวจะปิดก่อนเวลาปิดบริการครึ่งชั่วโมงนะคะ)

ในส่วนของเมนูนะคะ เมนูในส่วนของข้าวปั้นหน้าต่างๆมีหน้าให้เลือกน้อยไปหน่อย(มีข้าวปั้นหน้าปลาแซลมอน หน้าปลาหมึก หน้าปลาไท้หรือที่บ้านเราเรียกว่ากระพงแดง และหน้าปลาซาบะดองค่ะ) แต่ในเมนูอื่นๆก็มีเยอะนะคะ ทั้งเมนูข้าวหน้าต่างๆ ยากิโซบะ ของทอด เยอะแยะเลยค่ะ แต่ไปกันแค่สองคน เลยไม่กล้าสั่งเยอะ กลัวจะกินกันไม่ไหว
เมนูที่เราสั่งกันมาวันนี้ก็มีปลาดิบนะคะ สั่งปลาแซลมอน ปลาไท้ ปลาซาบะดอง พวกปลาดิบนี่ เราสั่งกันมาสองจานเลยค่ะ อย่างอื่นก็มี ซุปมิโซะคนละถ้วย กุ้งเท็มปุระสองชุด ข้าวห่อสาหร่ายไส้ผักรวม เกี๊ยวซ่า ข้าวปั้นหน้าแซลมอน ข้าวปั้นหน้าปลาหมึก และสลัดมันฝรั่งค่ะ
ไม่ต้องรอนาน อาหารก็มาเสิร์ฟ ทยอยมาเรื่อยๆ ไม่ขาดช่วงเลยค่ะ จากจานแรกเป็นปลาดิบ(ที่สั่งไปเป็นชุดแรก) ต่อมาก็มีซุปมิโซะมาสองถ้วย และสลัดมันฝรั่งค่ะ ส่วนตัวเป็นคนชอบกินมันฝรั่งอยู่แล้ว ก็เลยชอบสลัดมันฝรั่งเป็นพิเศษ น้ำซุปก็โอเคนะคะ กลมกล่อม ส่วนปลาดิบนี่... ชอบปลาแซลมอนกับปลาไท้ ไม่ค่อยจะสันทัดปลาซาบะดองเท่าไหร่ กินไปคำแรก... อื้มมม นี่สินะ สิ่งที่เรียกว่า'ความเค็ม' = = แต่อันนี้เป็นเมนูโปรดของพี่อู๋ เค้าก็เลยจัดการให้ซะเต็มที่เลย
หลังจากเอาอาหารสามอย่างแรกเข้าปากได้ไม่นาน ข้าวปั้นหน้าปลาแซลม่อนและหน้าปลาหมึกก็มาเสิร์ฟ อันนี้ก็โอเคนะคะ จนกระทั่งได้ลิ้มรสข้าวปั้นหน้าปลาหมึก... อันนี้ขอติเลย ไม่สดเลยยยยยย เหนียวจนเคี้ยวไม่ออก แต่เนื้อยุ่ยๆลื่นๆ เคี้ยวแล้วรู้สึกเป็นเมือกๆในปาก... เนมีทานต่อไม่ไหวเลย :( แต่ในส่วนของอย่างอื่นก็ถือว่าโอเคนะคะ ไม่ได้สดมาก แต่ก็ยังมีรสชาติโอเคค่ะ
ต่อมาเป็นเกี๊ยวซ่านะคะ จะบอกว่า นี่ตอนเขียนไป ดูภาพประกอบไป นึกถึงรสชาติไป อืมมม อยากกินอีกจังเลย ><
ชอบมากเลย ถึงไส้จะน้อยไปหน่อย แต่รสชาติก็อร่อยค่ะ จิ้มน้ำจิ้มเยอะๆ สำหรับคนชอบเปรี้ยวอย่างเนมีนี่... สวรรค์ชัดๆเลยค่ะ
ส่วนจานต่อมาน่าจะเป็นอาหารจานโปรดของใครหลายๆคน ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ นั่นก็คือกุ้งเท็มปุระนั่นเองค่ะ ก็โอเคนะ แต่ด้วยความที่เป็นแป้งทอด ทำให้พอกินเข้าไปแล้วก็แอบเลี่ยนอยู่เหมือนกัน ทำเอาลำบากไปมากทีเดียวค่ะ พอเริ่มทรมานไปสักพัก จานต่อมาก็ถูกเสิร์ฟต่อค่ะ นั่นก็คือข้าวปั้นห่อสาหร่าย
อันนี้ถือเป็นความโชคดีค่ะ ที่สั่งมาแค่ที่เดียว(สองชิ้น) ไม่อย่างนั้น เนมีคาดว่าวันนี้เนมีคงกลายเป็นศพคาร้านได้ - -
ต่อมาเป็นเมนูที่พี่อู๋สั่งเพิ่มไป เพราะจานแรกที่มายังสะใจไม่พอ ซึ่งก็เป็นจานสุดท้ายของมื้อนี้แล้วนะคะ นั่นก็คือปลาดิบค่ะ ข้อดีของร้านนี้คือ ไม่หวงแซลมอนเลย สั่งไปทั้งจานแรกและจานหลัง อัดแซลมอนมาให้เต็มจานตลอด ชอบค่ะชอบๆ แต่ที่ชอบที่สุดก็คงไม่พ้นสลัดมันฝรั่งกับเกี๊ยวซ่าค่ะ อร่อยเVอร์!! สรุปราคาของมื๊อนี้นะคะ ไปกันสองคน คนละ 350 บาท ก็เป็น 700 บาทพอดีค่ะ ถือว่าราคากลางๆนะ ไม่ได้แพงจนน่ากลัว ที่สำคัญคือกินได้ไม่อั้น ถ้ามั่นใจว่ากินได้ก็สั่งไปเลยค่ะ อ้อ!! แต่เนมีลืมบอกไปอย่างนึง ร้านนี้ ถ้ากินไม่หมดระวังโดนปรับนะจ๊ะ :)

สำหรับร้านต่อไปที่เนมีจะขอแนะนำในวันนี้เป็นร้านเค้กนะคะ แต่ร้านนี้มีจุดขายที่เป็นเอกลักษณ์มากๆเลยค่ะ นั่นก็คือ... น้องเหมียวขนปุกปุยนุ่มนิ่มแสนน่ารักค่าาา >< สำหรับใครที่รักแมว ชอบแมว ร้านนี้นี่ เนมีขอแนะนำมากๆๆๆเลยค่ะ(ออกนอกหน้า :P)
ร้านนี้มีชื่อว่า Purr Cat Cafè Club นะคะ สำหรับการเดินทางก็ ลง BTS ทองหล่อแล้วเดินออกมาทางประตูทางออกที่ 1 นะคะ หลังจากลงมาจาก BTS แล้ว เดินตรงไปเรื่อยๆ จะเจอซอยสุขุมวิท 53 เดินเข้าไปในซอยประมาณ 600 เมตร(ประมาณ 10 นาที) หรือถ้าใครไม่อยากเดินก็เรียกพี่วินหน้าปากซอยก็ได้ค่ะ ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือนะคะ
หลังจากที่มาถึงหน้าร้านแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือถอดรองเท้าค่ะ เสร็จแล้วจะต้องเปลี่ยนเป็นรองเท้าสลิปเปอร์ที่ทางร้านเตรียมไว้ให้นะคะ เสร็จแล้วพี่ที่ร้านก็จะให้เราไปล้างมือและเช็ดมือให้เรียบร้อยค่ะ

ต่อมาเราก็จะมาทำความเข้าใจกฎของร้านกันค่ะ


1.) ทุกคนจะต้องล้างมือให้สะอาดก่อนเข้าไปเล่นกับน้องแมวนะคะ ทั้งนี้เพื่อความสะอาดของทั้งเราและน้องแมวทุกตัวค่ะ
2.) การจะเล่นกับพวกน้องเหมียว จะต้องคำนึงถึงความสบายใจของเจ้าเหมียวเป็นหลักนะคะ พยายามอย่าทำให้เจ้าขนปุยหงุดหงิดนะ
3.) อย่ารุนแรงกับน้องนะคะ ไม่ว่าจะเป็นการดึงหาง หยิบหลัง ตี หรืออื่นๆค่ะ
4.) ถ่ายรูปน้องได้ แต่ห้ามใช้แฟลชค่ะ
5.) ถ้าเห็นน้องหลับ ลูบน้องเบาๆได้นะคะ แต่ห้ามไปปลุกหรือทำให้น้องรำคาญค่ะ
6.) ข้อนี้ห้ามเด็ดขาดนะ ห้ามให้น้องทานอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ใช่ของแมว อันนี้ขอความกรุณาทุกคนด้วยว่า น้องแมวไม่รู้เรื่อง บางครั้ง้องก็แอบย่องไปเจ๊าะแจ๊ะขนมหรือเครื่องดื่มของเรา ซึ่งถ้าใครเห็นเนี่ย ช่วยกันห้ามน้องเลยนะคะ เพราะอาหารคนบางอย่างมันเป็นอันตรายต่อน้องมากเลยค่ะ อย่างเช่น ชาหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ซึ่งจะทำให้น้องหัวใจเต้นเร็ว เกิดการเต้นของหัวใจผิดจังหวะ และถ้ารุนแรง น้องก็สามารถช็อคและหัวใจวายได้ด้วย และอีกอันที่น่ากลัวก็คือ ช็อคโกแลตค่ะ ซึ่งหลายๆคนอาจไม่รู้ว่ามันก็มีคาเฟอีนเหมือนกัน รวมถึงมีสารธีโอโบรมีน ซึ่งมีผลต่อการดูดน้ำในร่างกายและทำลายประสาทส่วนกลางได้ค่ะ เพราะฉะนั้น เพื่อนๆที่รักน้องจริงๆ ต้องช่วยกันใส่ใจน้องด้วยนะคะ :)
7.) ดูแลบุตรหลานหรือเด็กเล็กที่คุณพาไปนะคะ เพราะบางครั้งเด็กๆอาจทำให้น้องเจ็บโดยที่เด็กๆไม่รู้เรื่องนั่นเองค่ะ
8.) ห้ามอุ้มแมว อันนี้เป็นเพราะว่าทางร้านไม่ทราบว่าลูกค้าท่านไหนที่อุ้มเป็นนะคะ และถ้ามีคนที่อุ้มเป็นมาอุ้ม ก็จะทำให้คนอื่นๆอยากอุ้มไปด้วย ทางร้านก็เลยตัดสินใจว่า ไม่ให้อุ้มเลยดีกว่า

ทั้งหมดนี้ก็เป็นกฎต่างๆที่ทางร้านได้ตั้งขึ้นเพื่อความปลอดภัยและสบายใจของทั้งน้องแมว เจ้าของร้าน และลูกค้านะคะ เพราะฉะนั้น ขอให้เพื่อนๆที่อยากจะไปเล่นกับน้องๆหนูๆเหล่านี้ศึกษาทำความเข้าใจกันให้ดีก่อนนะคะ :)

และเมื่อทุกคนเข้าใจและยอมรับกฎร่วมกันแล้ว เราก็เริ่มสั่งอาหารและเล่นกับเจ้าขนปุยได้เลยค่ะ

ก่อนอื่น อยากจะบอกว่า ทั้งเมนูและรูปภาพตกแต่งต่างๆ พี่เจ้าของร้านเป็นคนวาดเองนะคะ ทั้งใจดี และเก่งแบบนี้ เยี่ยมไปเลยค่ะ :)


ด้านในเมนูพี่เจ้าของร้านก็วาดภาพตกแต่งและดีไซน์ด้วยตัวเองเหมือนกันค่ะ น่ารักมากๆเลย จากที่ขนมและเครื่องดื่มดูน่าทานอยู่แล้ว เลยยิ่งดูน่าทานเข้าไปใหญ่เลยค่ะ

ยังไงเนมีขอเข้าเรื่องเค้กก่อนเลยดีกว่านะคะ ส่วนเรื่องบรรยากาศในร้านและน้องแมวทั้งหลาย เนมีขอเก็บไว้ปิดท้ายเลยก็แล้วกันค่ะ เก็บภาพมาเยอะเชียว ไว้เนมีจะแนะนำน้องเหมียวที่เนมีได้ไปเจอมาวันนี้ให้เพื่อนๆรู้จักนะคะ

สำหรับเมนูที่สั่งไปวันนี้มีสองอย่างคือ สตรอว์เบอรี่ ชอร์ท เค้ก และ นิวยอร์ค ชีสเค้ก และมีเป็บเปอร์มิ้นต์ทีเป็นเครื่องดื่มค่ะ
สรอว์เบอรี่ ชอร์ท เค้กของที่นี่ ทั้งพี่อู๋และเนมีชอบกันมากเอาการอยู่นะ เค้กนุ่ม หอม และที่สำคัญ ปกติเวลาเราไปกินเค้ก ส่วนใหญ่เราก็จะเจอสตรอว์เบอรี่ลูกเล็กๆ ยิ่งถ้าเป็นสตรอว์เบอรี่ ชอร์ท เค้ก ที่จะมีสตรอว์เบอรี่ในชั้นกลางของเค้กแล้วนี่... บางร้านถึงขั้นฝานสตรอว์เบอรี่กันจานบางเลย แต่ที่นี่ เพื่อนๆจะเจอกับสตรอว์เบอรี่ลูกใหญ่แบบสะใจเลย แถมพอเราเอาส้อมตัดลงไป เราจะเจอสรอว์เบอรี่ชิ้นโตอีกเพียบเลยค่ะ จะบอกว่า พี่อู๋เจอจนบ่นเลยว่า "กินไปตั้งหลายคำแล้วนะ ไม่หมดซักที"

ส่วนนิวยอร์ค ชีสเค้ก ตกแต่งออกมาได้หน้าตาน่ารักค่ะ ส่วนรสชาติก็โอเคนะ อาจจะเพราะว่าปกติเนมีจะชอบกินชีสเค้กที่ครีมชีสมีรสที่ออกเปรี้ยวเยอะๆหน่อย เนมีก็เลยค่อนข้างจะเฉยๆกับจานนี้ แต่ถ้าสำหรับคนอื่น เนมีคิดว่าน่าจะเป็นเมนูถูกปากหลายๆคนเลยค่ะ

โดยรวมแล้วทั้งสองเมนูที่สั่งมา มีทั้งรสหวานแบบละมุนลิ้นและรสเปรี้ยวของสตรอว์เบอรี่ เหมาะมากกับการทานคู่กับการดื่มชา ซึ่งปกติแล้วรสที่ออกธรรมชาติแบบนี้ เนมีว่าถ้าทางกับอิงลิช เบรคฟาสท์ ที หรือเออร์ เกรย์ ก็จะเข้ากันค่ะ แต่เนมีเป็นพวกชอบมิ้นต์ ก็เลยสั่งมินต์ไปตามความชอบส่วนตัว :P แต่เนมีแอบเห็นเครื่องดื่มที่ลูกค้าท่านอื่นๆสั่งกันก็จะเป็นประเภทน้ำปั่น สมู๊ตตี้ หรือพวกกาแฟเย็นกันนะคะ
ส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาที่นี่ก็จะเป็นลูกค้าที่ชอบแมว หรืออยากหาโอกาสพักผ่อนสบายๆพร้อมทั้งได้เล่นกับน้องเหมียวไปด้วย ซึ่งที่นี่ก็มีเจ้าตัวคลายเครียดกันให้รู้จักหลายตัวเลยค่ะ ในวันนี้เนมีได้รู้จักไป 8 ตัวนะคะ มีใครบ้าง ลองมาดูกันค่ะ

ตัวแรก พี่ใหญ่เจ้าบ้าน หนูน้อยโจชัวค่ะ ถึงชื่อจะแมน แต่หนูเป็นผู้หญิงนะ :)

ตัวนี้ เออร์วิน ลูกครึ่งอเมริกัน-บริตติช เป็นสุภาพบุรุษ เข้ากับเพื่อนๆได้ทุกตัว

ส่วนตัวนี้ชื่อ นิกุ หน้าตาประมาณว่า ใครอย่ามาแหยม

เจ้าตัวนี้ขนาดตัวเล็กกว่าตัวอื่นหน่อย ชื่อ พั้มพ์กิ้น

ส่วนตัวนี้ชื่อ ก๊อปปี้ ชื่อจริงชื่อว่า ก๊อปปี้พั้มพ์กิ้น ค่ะ จุดสังเกตนะคะ
แต้มขาวที่หน้าของก๊อปจะขึ้นไปเกือบถึงตา ส่วนหลังจะมีสีขาวแทรกอยู่ และส่วนหางจะมีสีขาวปนนะคะ 

ตัวนี้เป็นแมวพั้งค์ ขอบปาก ขอบตาดำ ตามรูปแบบของชินชิร่า ชื่อว่า มารัก ค่ะ

ส่วนตัวนี้ สาวน้อยสามสีผู้น่ารัก มีชื่อสั้นๆว่า โม

 และหนูน้อยคนนี้ เป็นแมวไทยตัวเดียวในหมูแมวเทศ ชื่อน่ารักว่าพุซ
(เวลาลืมตา ตาโตเหมือนพุซ อิน บู๊ธเลยค่ะ)

เอาล่ะค่ะ แนะนำกันหมดแล้วสำหรับวันนี้ แต่จริงๆแล้วยังมีอีกนะคะ แต่วันนี้เค้าไม่อยู่กัน แอบเสียดาย :( แจ่คิดว่าถ้าเพื่อนๆไป ก็น่าจะได้เจอมากกว่านี้ค่ะ พี่ที่ร้านบอกว่าจริงๆปล้วมีกันทั้งหมด 12 ตัว ก็หวังว่าไปครั้งหน้า หรือถ้าเพื่อนๆแวะไป จะได้เจอกันครบทุกตัวนะคะ
ในส่วนของค่าใช้จ่ายรวมสำหรับค่าขนมและเครื่องดื่ม อยู่ที่ 407 บาทค่ะ ก็ตกที่ชิ้นละประมาณร้อยกว่าบาทนะคะ ก็คิดว่าน่าจะยังเป็นราคาที่ทุกคนรับได้ค่ะ...
ยังไง ถ้าเพื่อนๆคนไหนชอบทั้งเค้กทั้งแมวและอยากรู้จักเจ้าขนปุยก๊วนนี้แล้วล่ะก็ อย่าลืมแวะไปที่ร้า Purr Cat Cafè Club กันนะคะ รับรองว่าเพื่อนๆจะประทับใจทั้งรสชาติ บริการ และบรรยากาศที่ทั้งสวยและเต็มไปด้วยเจ้าตัวน่ารักพวกนี้ จนบางทีอาจจะเล่นกันจนลืมเวลาไปเลยล่ะค่ะ :)

สำหรับวันนี้ เนมีแนะนำไปสองร้าน ใครว่างๆก็แวะไปลองชิมกันได้นะคะ แล้วก็ หวังว่าเพื่อนๆจะถูกใจบล็อกของเนมีนะคะ ถึงจะเป็นแค่บล็อกเล็กๆที่เพิ่งทำได้ไม่นาน แต่ก็จะพยายามทำให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆค่ะ ถ้ามีข้อผิดพลาดอะไรยังไง เพื่อนๆช่วยบอกเนมีหน่อยนะคะ เนมีจะได้รู้ว่าควรจะแก้ไขยังไง :)

ขอบคุณทุกคนที่ได้เข้ามาอ่านทั้งคนเก่าและคนใหม่เลยนะคะ :) 
เนมี 
( ใครว่างๆก็เข้าไปเยี่ยม Facebook ของเนมีได้นะคะ )

วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

แวะกินอาหารป่าที่ร้าน "เผ็ด" ณ คลองสาม

สวัสดีค่ะ!! เพิ่งจะผ่านวันลอยกระทงไปสดๆร้อนๆเลยนะคะ เมื่อคืนนี้แถวที่พักของเนมีก็... ปาประทัดกันซะจนแอบแช่งคนปา รถร้องกันไปหลายคัน บางหอพักก็มีนักศึกษาปาประทัดลงมาแกล้งคนที่เดินไปเดินมาในซอยด้วย แล้วของคนอ่านเป็นยังไงกันบ้างคะเนี่ย?? ได้ไปลอยกระทงที่ไหนกันบ้าง(เนมีอดไปเพราะต้องอ่านหนังสือสอบพอดี) เห็นดอกไม้ไฟสวยๆกันมั้ยเอ่ย ยังไง... หวังว่าเพื่อนๆจะขอขมาพระแม่คงคาด้วยการแชร์กระทงเพื่ออนุรักษ์สภาพแวดล้อมและแม่น้ำลำคลองกันด้วยนะคะ :)




เอาล่ะค่ะ เรื่องวันลอยกระทงคงต้องพักไว้ก่อน เพราะตอนนี้เนมีมีเมนูที่หลายๆคนอาจยังไม่เคยกินหรือไม่กล้ากินมาแนะนำค่ะ
วันนี้เนมีมาที่ร้านที่มีชื่อสั้นๆว่า "เผ็ด" ค่ะ พอดีแฟน(พี่อู๋)เห็นชื่อร้านแล้วถูกใจ ตีไฟเลี้ยวเลย!! ร้านตั้งอยู่บริเวณรังสิต คลองสาม ถ้ามาจากฝั่งคลองหนึ่งก็ให้กลับรถแล้วเลี้ยวเข้าคลองสามค่ะ ตรงเข้ามาเรื่อยๆ ไม่ลึกเท่าไหร่ ร้านจะอยู่ด้านซ้ายมือค่ะ 
สำหรับสไตล์อาหารของร้าน เผ็ด ก็จะออกแนวอาหารพื้นบ้านไปจนถึงอาหารป่านะคะ มีตั้งแต่เนื้อทั่วไปอย่างหมู ไก่ ปลา ไปจนถึง เก้ง กวาง จระเข้ และอื่นๆอีกเยอะแยะเลยค่ะ ส่วนวิธีปรุงก็มีทั้งผัด ทอด แกง ต้ม ยำ ผัดเผ็ด สาระพัดวิธีเลย ที่สำคัญ เรื่องรสชาตินี่เรียกได้ว่าเอาใจนักดื่มมากค่ะ
สำหรับเมนูที่ทางร้านแนะนำวันนี้นะคะ ได้แก่ เก้งหรือกวางผัดเผ็ด โดยทางร้านแนะนำว่า ถ้าเป็นเนื้อเก้งก็จะเหนียวสักหน่อย ถ้าเป็นเนื้อกวางก็จะนุ่มกว่า เนมีก็เลยขอสั่งเป็นเนื้อกวางไปนะคะ... กลัวฟันปลอมจะหลุด ส่วนเมนูแนะนำเมนูต่อมาก็เป็นเนื้อนกกระจอกเทศผัดพริกไทดำ ที่ร้านบอกว่า เนื้อนกกระจอกเทศจะมีกลิ่นสาบอยู่บ้าง ควรนำมาปรุงด้วยเครื่องเทศที่มีกลิ่นกลบกันได้อย่างพริกไทค่ะ และเมนูสุดท้ายเป็นแกงอ่อมใบยอค่ะ สำหรับแกงอ่อมใบยอ เนมีสั่งเป็นเนื้อปลาอ่อนมานะคะ เพราะเห็นว่ามีเนื้อเหนียวๆมาสองอย่างแล้ว เลยขออะไรที่เคี้ยวง่ายๆมาสักอย่าง สุดท้ายในส่วนของเครื่องดื่ม เราก็สั่งโค้กไปค่ะ เพราะเนมีไม่ดื่มแอลกอฮอล์ :)



ระหว่างที่รออาหารและเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ เราก็ดูวิวทิวทัศน์รอบๆกันไป ซึ่งก็เป็นบรรยากาศที่ดูแตกต่างจากในเมืองหรือในกรุงเทพฯมากพอสมควรค่ะ สงบกว่ากันเยอะเลย รออาหารไปไม่นาน พนักงานก็นำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟก่อน และต่อจากนั้นอาหารจานแรกก็มาค่ะ จะบอกว่า อาหารมาเร็วมาก ไม่ต้องรอนานๆให้เบื่อเลยค่ะ
เนื้อกวางผัดเผ็ด
เห็นพนักงานยกอาหารเดินมาทางเรา เราก็ดีใจกันเลยค่ะเพราะกำลังหิว มาจานแรกก็... เนื้อกวางผัดเผ็ดเลย มาพร้อมข้าวสวยร้อนๆ พออาหารถูกวางลงเรียบร้อย เราก็เลยต้องขอชิมกันโดยด่วน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหิวหรือยังไง เข้าปากไปคำแรก... "อร่อยอ้ะ!!" 
จริงๆแล้ว เนมีจะบอกว่าเนมีกินเผ็ดไม่ค่อยเก่ง แต่จานนี้เนมีกินไปแล้วเนมีว่ามันก็ไม่ค่อยเผ็ดนะ หนักไปทางเค็มหน่อย ใครที่ไม่ชอบรสเค็มหรือใครที่ทานอาหารที่หนักไปทางรสหวานก็อาจจะว่าไม่อร่อยก็ได้ แต่ส่วนตัวเนมีชอบรสเค็ม ก็เลยว่ามันอร่อยดี
เนื้อนกกระจอกเทศผัดพริกไทดำ
จานต่อมาเป็น เนื้อนกกระจอกเทศผัดพริกไทดำ ค่ะ ลองชิมดูแล้วก็เฉยๆนะคะ คิดว่ารสมันค่อนข้างจืด กลิ่นพริกไทดำอ่อนไปหน่อย แต่ก็อาจจะเป็นเพราะปกติเนมีขอบกลิ่นพริกไทแรงๆอยู่แล้วด้วย ก็เลยรู้สึกว่ากลิ่นพริกไทของจานนี้อ่อนไปหน่อยค่ะ ในส่วนของเนื้อก็อย่างที่ทางร้านบอกไว้เลย เนื้อมีกลิ่นสาบอยู่นิดหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับจะมีกลิ่นแรงอะไรมากมายจนทานยากนะคะ :)
แกงอ่อมใบยอปลาเนื้ออ่อน
จานสุดท้ายที่มาเสิร์ฟ... ไม่รู้จะเรียกว่า"จาน"ดีรึเปล่า เพราะมาเป็นหม้อเลย ตักเนื้อปลามาชิมก่อน... เนื้ออ่อนจริงๆด้วย เชื่อๆ... ใบยอออกรสค่อนข้างขมนะคะ ถ้าใครทานขมไม่ค่อยได้ก็อาจจะไม่ชอบเท่าไหร่ เพราะเคี้ยวโดนคำนึงนี่... น้องๆมะระเลยล่ะค่ะ แต่ก็ชอบน้ำแกงของเมนูนี้นะ ยิ่งเป็นคนชอบกระทิด้วยแล้วเนี่ย สุดยอดไปเลยค่ะ รสชาติไม่เผ็ดเกินไป เนมีเลยนั่งซดน้ำแกงเผ็ดประหนึ่งว่าเป็นน้ำแกงจืดเลย(ฮาาา)
ระหว่างที่นั่งกินกันไปเรื่อยๆ คนก็ค่อยๆทยอยเข้าร้านกันมากขึ้นค่ะ ส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาก็จะเป็นกลุ่มผู้ชายวัยกลางคนหน่อย มานั่งดื่มเหล้าดื่มเบียร์กันตามประสาเพื่อนฝูง กับลูกค้าอีกประเภทก็จะเป็นลูกค้าที่มากันเป็นครอบครัว มากันครบทั้งพ่อ แม่ ลูก... เห็นเด็กๆวิ่งไปวิ่งมา ดูๆแล้วก็น่ารักทีเดียวล่ะค่ะ(มโนว่าตัวเองเป็นผู้หญิงอบอุ่น :P )

พี่อู๋กินอิ่มแล้ว ก็เลยมาถ่ายเนมีตอนกำลังอร่อยซะเลย :)
หลังจากกินกันไปจนอิ่มแปล้ เราก็นั่งแช่ให้อาหารย่อยกันพักใหญ่ๆ พอเริ่มขยับตัวได้ก็ได้เวลาควักกระเป๋ากันแล้วล่ะค่ะ วันนี้พวกเราสั่งอาหารไปค่อนข้างน้อย ยอดรวมออกมาก็ 565 บาทค่ะ 
สำหรับราคานี้ ก็คิดว่าไม่ได้แพงจนเกินไปนะคะ ยังอยู่ในราคาที่รับได้อยู่ ถ้าวัดจากรสชาติอาหาร บริการ บรรยากาศ ก็ถือว่าสมเหตุสมผลค่ะ

เป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับร้านที่เนมีเอามาแนะนำครั้งนี้ จะถูกใจคนอ่านกันมั้ยหว่า... แต่ถ้าสำหรับตัวเนมีกับพี่อู๋ก็จัดว่าถูกใจอยู่นะคะ พี่อู๋บอกว่าอยากกินเนื้อกวางผัดเผ็ดอีก เครื่องแกงอร่อย ส่วนพวกรักกระทิอย่างเนมีก็คงต้องเป็นแกงอ่อมใบยอล่ะค่า ซดมันส์ลืม!

ส่วนถ้าใครที่ได้มีโอกาสเข้ามาอ่านบล็อกของเนมีครั้งนี้ แล้วที่อยากจะลองไปชิม เนมีแนะนำว่าให้ชวนคุณพ่อคุณแม่ หรือถ้าใครที่มีลูกแล้วก็ให้พาไปกันทั้งครอบครัวนะคะ เพราะบรรยากาศดีค่ะ อาหารก็มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ธรรมดาไปถึงพิศดารเลย ซึ่งอันนี้ก็ต้องแล้วแต่คน(อยาก)ทานนะคะ :P และที่สำคัญคือ คุณจะได้มีเวลาร่วมกันระหว่างคนในครอบครัวด้วยนั่นเองค่ะ :)
สุดท้ายก็ต้องขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆ หวังว่าจะได้อ่านกันจนจบทุกคน แล้วก็หวังว่าจะเป็นที่พึงพอใจของทุกๆคนที่ได้มีโอกาสเข้ามาอ่านนะคะ เนมีเองก็จะพยายามทำบล็อกให้ดีขึ้นเรื่อยๆค่ะ ผิดพลาดตรงไหนก็บอกกันได้นะคะ :D

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากค่ะ
เนมี
( ใครว่างๆก็เข้าไปเยี่ยม Facebook ของเนมีได้นะคะ )

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

อิ่มท้องแทบแตก กับกิมจิ บูตะ นาเบะ @นากิยะ



สวัสสส ดี๊ค่าาาาาา!!! สำหรับวันนี้เป็นบทความที่ 3 ของบล็อกนี้นะคะ วันนี้เนมีก็ยัง"มุ่งเน้น"ไปที่ของกินเหมือนเดิมค่ะ จริงๆตอนแรกที่วางโปรแกรมไว้จะไปอีกที่นึง แต่เนื่องด้วยภาระกิจติดฝน แผนเก่าก็เลย... เป็นอันว่าล่มไป

วันนี้ที่ๆเราจะแนะนำเพื่อนๆก็คือ ร้าน "นากิยะ" @Gateway เอกมัย ค่ะ เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ปิ้งย่าง แต่ไม่ใช่ปิ้งย่างแบบที่เราไปนั่งย่างเองนะคะ อันนี้จะคล้ายๆสะเต๊ะของบ้านเราค่ะ และถ้าใครที่ชอบดื่มเบียร์ ก็ขอแนะนำร้านนี้เลยค่ะ ทั้งบรรยากาศและอาหาร... เหมาะมากกก น่าเสียดายที่เนมีดื่มเบียร์ไม่เป็น ไม่งั้นเราคงมีการกระดกโชว์กันด้วย :P

บรรยากาศในร้าน
โต๊ะ 1 โต๊ะ ว่างไม่เกิน 3 นาที

ก่อนอื่นเราก็ขอเกริ่นถึงบรรยากาศกันก่อนนะคะ ด้านในร้านก็ออกเป็นสไตล์ญี่ปุ่นมากกก เหมือนพวกร้านเหล้าของญี่ปุ่นที่จะมีมาม่าซังมาคอยบริการเลย แต่ที่นี่ไม่มีนะ ขอแสดงความเสียใจแทนหนุ่มๆค่ะ(ฮาาา) ในร้านจะแบ่งเป็นสองชั้นค่ะ การจัดร้านด้านล่างก็จะเป็นส่วนของครัว ไม่มีที่นั่งด้านล่าง แต่มีที่นั่งสำหรับรอคิว ส่วนชั้นบนจะเป็นที่นั่ง ซึ่งจะเป็นแบบนั่งพื้นนะคะ ที่นั่งค่อนข้างจะแคบเพราะจำนวนลูกค้าแน่นร้านตลอดเลย แนะนำว่า ใครที่จะไปทานที่นี่ ควรใส่กางเกงที่สบายๆค่ะ เพราะจะได้นั่งทานกันได้ง่ายๆ



หลังจากที่ได้โต๊ะนั่งกันแล้ว(วันนี้เนมีไปถึงค่อนข้างเร็ว ก็เลยได้ที่นั่งเลย ไม่ต้องรอคิวค่ะ) เราก็มาเริ่มกันที่เมนูของทางร้านค่ะ จะบอกว่าในเมนู มีรายละเอียดและอาหารให้เลือกเยอะจนตาลาย เลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว
หลังจากพลิกเมนูไปได้สองสามหน้า เราก็เริ่มเล็งเห็นอาหารที่เราโหยหา วันนี้ที่สั่งกันไปก็มี หม้อไฟสำหรับสองคน 1 ที่ ซึ่งเราเลือกเป็น กิมจิ บูตะ นะเบะ ค่ะ พอดีเห็นว่าวันนี้ฝนตก อากาศค่อนข้างเย็น ก็เลยขอสั่งอะไรร้อนๆมาช่วยให้ร่างกายอุ่นกันหน่อย เมนูนี้อยากแนะนำสำหรับใครที่ไปทานเป็นครอบครัวนะคะ เพราะปริมาณค่อนข้างเยอะ ที่สำคัญ ได้สุขภาพด้วย เพราะผักเยอะมากกก
เมนูเยอะมาก ต้องตั้งใจเลือกกันหน่อย
ในส่วนของอาหารปิ้งย่าง ที่เราสั่งกันมาก็มี หัวหอมย่างทั้งลูก มะเขือเทศเสียบไม้ย่าง แก้มหมู เนื้อไก่ต้นหอม หมูสามชั้น และท้องปลาแซลม่อนย่างเกลือค่ะ(ที่ร้านนี้จะมีแบบให้เราเลือกทานได้ 2 แบบ คือหมักซอสกับหมักเกลือย่าง แต่เราจะไม่เลือกก็ได้ค่ะ ทางร้านจะเลือกให้เราเอง) ด้วยความที่กลัวไม่อิ่ม เพราะก่อนที่จะไปกินกันมื้อนี้ เนมียังไม่ได้กินอะไรมาเลย เนมีก็เลยสั่งข้าวมา 1 ที่ เป็นข้าวโรยหน้าปลาข้าวสาร บวกไข่ต้มอีก 1 ฟอง คือประมาณว่า กินมื้อนี้ เผื่อมื้อหน้ากันเลยทีเดียว ส่วนเครื่องดื่มของวันนี้ เนมีเลือกอะไรง่ายๆอย่างชาเขียวร้อนค่ะ เพราะวันนี้เนมีหนาวๆ ดื่มเครื่องดื่มร้อนจะได้สบายคอ

ไข่ต้ม+หัวหอมย่าง
หลังจากที่เราสั่งอาหารกันไปแล้ว ก็ต้องรอกันไปพักใหญ่ๆค่ะเพราะลูกค้าแน่นร้าน อาหารก็มาแบบทยอยลงนะคะ ก็ค่อยๆกินกันไปค่ะ พออย่างนึงหมด พนักงานก็จะมาเก็บจานที่เรากินกันหมดไปแล้วก่อน เพราะโต๊ะค่อนข้างจะมีพื้นที่การวางที่จำกัดค่ะ
อาหารเริ่มเต็มโต๊ะ
อยากบอกว่าเราเฝ้ารอนาเบะของเราอย่างตั้งอกตั้งใจกันมากกก เพราะเราแอบเห็นของโต๊ะอื่นกันแล้ว ดูแล้วแอบตื่นเต้นค่ะ
หลังจากไข่ต้มกับหัวหอมถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะได้ไม่นานนัก นาเบะที่เราเฝ้ารอก็มาเสิร์ฟพร้อมๆกับอย่างอื่นอีกหลายจานเลยค่ะ ซึ่งพอนาเบะถูกวางและตั้งเตาเป็นที่เรียบร้อย เราก็ต้องหันไปศึกษาวิธีกินกันก่อนเลยค่ะ
ท้องปลาแซลม่อนย่าง
ซึ่งถามว่า อ่านไปแล้วทำเป็นมั้ย?? . . . ไม่เป็นค่ะ!! แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ เพราะพนักงานที่นี่ค่อนข้างจะรู้ใจลูกค้าค่ะ เพราะไม่นานหลังจากอาหารทุกอย่างทุกเสิร์ฟครบหมดแล้ว เค้าก็มาจัดการทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้กินกันอย่างเอร็ดอร่อยค่ะ ซึ่งวันนี้เนมีก็ได้ถ่ายวิดีโอตอนที่พนักงานมาช่วยชีวิตเราไว้ด้วยค่ะ หวังว่ามันจะเปิดได้นะ(รู้สึกว่าระบบอั๊ปโหลดของกูเกิ้ลจะมีปัญหาอยู่ ถ้าเปิดไม่ได้อะไรยังไง เนมีใส่ลิงก์ไว้ใต้วิดีโอให้ด้วย ก็ลองเข้าไปดูในลิงก์ก็ได้นะคะ) :P

จากในคลิปที่เนมีพูดไว้ว่า เดี๋ยวเราจะมากินโชว์นะคะ
เนมีเองก็กลัวจะเสียคำพูด ก็เลยต้องทำตามคำพูดที่ได้บอกไว้ค่ะ

ดูพี่อู๋กินไปแล้ว เดี๋ยวลองไปดูเนมีกินบ้าง
ลองดูกันนะคะ ว่าใครจะกินได้น่าอร่อยกว่ากัน :)

ภาพมาก็... บ่งบอกว่าสุดยอด...

วาราบิ โมจิ... อร่อย :D
เอาล่ะค่ะ เฉพาะอาหารจานหลักก็อิ่มมากแล้วนะคะ แต่เราจะขาดเมนูของหวานไปไม่ได้ค่ะ ซึ่งวันนี้เนมีก็สั่งเป็น วาราบิ โมจิ ไปนะคะ ซึ่งก็จะเป็นแป้งโมจินุ่มๆราดด้วยน้ำเชื่อมหอมๆหวานๆนะคะ รสชาติก็อร่อยดี... เหมาะสำหรับคนชอบรสหวานค่ะ
และเมื่อเราอิ่มกันไปแล้วทั้งของคาวและของหวาน ทีนี้ก็ถึงเวลาอันน่าสะพรึงกลัวแล้วค่ะ นั่นก็คือ..."ใบเสร็จ" พอมันมาถึงโต๊ะเรา พวกเราก็ตะลึงกันไปเล็กๆ กับราคา 1,348 บาท ไอ้ที่กินกันเข้าไปจนแน่นนี่... เห็นราคาปุ๊บ!! โอเค... ห้ามอวก!!

เป็นยังไงบ้างคะกับร้าน"นากิยะ" คิดว่าก็น่าจะถูกใจหลายๆคนอยู่ ขอแนะนำเป็นพิเศษสำหรับคอเบียร์นะคะ เหมาะมาก ทั้งร้านนี่... ส่วนใหญ่ก็จะเป็นนักดื่มกันทั้งนั้นเลย แล้วก็ถ้าใครได้มีโอกาสไปก็อย่าลืมสั่งนาเบะกับของย่างมากันด้วยนะคะ รับรอง ไม่ผิดหวังค่ะ :)

ยังไงวันนี้ เนมีคงต้องขอจบการรีวิวไว้แค่นี้ก่อนล่ะนะคะ ไว้ยังไงครั้งหน้า ถ้าเนมีได้ไปกินไปทำอะไรที่ไหนที่น่าสนใจ เดี๋ยวเนมีจะมาอั๊ปเดทให้เพื่อนๆได้อ่านกันอีกนะคะ หรือถ้าใครมีร้านอะไรที่ถูกใจเป็นพิเศษ น่าสนใจ ทั้งถูกทั้งแพง บรรยากาศดี อาหารอร่อย หรืออะไรก็แล้วแต่ ก็มาแนะนำเนมีได้นะคะ ส่วนครั้งนี้ก็ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันด้วยนะคะ...


ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ :)
เนมี
( ใครว่างๆก็เข้าไปเยี่ยม Facebook ของเนมีได้นะคะ )

วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ไปชิมก๋วยเตี๋ยว ร้าน..."ก๋วยเตี๋ยวไข่ย้อนยุค" + บุกตลาดอินดี้

สวัสดีค่าาาาาาาาา!! วันนี้เป็นบทความที่ 2 ของบล็อกนี้นะคะ
หลังจากที่เมื่อวานเราได้มาแนะนำตัวแนะนำบล็อกกันไปคร่าวๆแล้ว มีบางคนสงสัยว่าบล็อกนี้จะเป็นบล็อกเกี่ยวกับอะไร อันนี้ก็ต้องชี้แจงกันหน่อยนะคะ บล็อกของเนมีจะเป็นบล็อกแนวๆรีวิวอาหาร ร้านอาหาร สถานที่น่าสนใจ กิจกรรมสนุกๆยามว่างให้เพื่อนๆที่อ่านได้รู้จัก หรือแม้แต่ร่วมกันแชร์ประสบการณ์ของตัวเองเป็นการแลกเปลี่ยนมุมมอง-ความรู้สึกกันนะคะ :)


สำหรับวันนี้ เนมีกับเพื่อน(และแฟน :P)ก็ได้ลองไปร้านอาหารที่เพิ่งเปิดตัวใน ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ได้ไม่นานนะคะ ชื่อร้านน่ารักๆว่า "ก๋วยเตี๋ยวไข่ย้อนยุค" ค่ะ :)

ภายในร้านก็ไม่มีอะไรมากค่ะ เป็นบรรยากาศสบายๆ ย้อนยุคหน่อยๆ ดูแล้วน่ารักดีค่ะ เหมาะที่จะพาครอบครัวมานั่งทานอาหารด้วยกันแบบสบายๆ แต่แนะนำว่าควรจะมาทานกันในวันที่ไม่รีบร้อน เละใส่เสื้อผ้าแบบสบายๆและเลอะได้ เพราะน้องๆเด็กเสิร์ฟยังค่อนข้างจะมือใหม่ ที่ไปวันนี้ก็... หกเลอะเทอะกันไปหลายโต๊ะอยู่เหมือนกัน(ฮาา)

รูปแบบด้านในของเมนู เห็นแล้วอยากขโมยกลับบ้าน

ส่วนตัวแล้วแอบชอบสไตล์การแต่งร้านอยู่นะคะ คิดว่าน่ารักดี น่าจะถูกใจทั้งผู้ใหญ่และวัยรุ่นเลยค่ะ

ปกเมนูน่ารักเชียวค่ะ
ไหนๆก็มาร้านอาหารแล้ว พอจะสั่งอาหาร พนักงานก็หยิบเมนูมาให้ จะบอกว่าชอบรูปเล่มเมนูมาก น่ารักแบบอินดี้เล็กๆ มองแล้วก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบนะคะ แต่ตอนที่เปิดเข้าไปด้านใน หลังจากถูกอกถูกใจกับรูปแบบเมนูไปแล้ว ก็ต้องแอบสะพรึงเล็กๆ เพราะราคานั้น... ไม่น่าจะเรียกได้ว่าน่ารักสักเท่าไหร่เลยค่ะ - -"... เท่าที่จำได้ อาหารคาวที่เห็นว่าราคาถูกที่สุดก็... 65 บาท จริงๆถ้ามองว่าเป็นอาหารทั่วไปก็คงไม่ถึงขั้นที่จะเรียกว่าแพง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับอาหารประเภท 'ก๋วยเตี๋ยว' แล้ว... เนมีขออนุญาตเลี่ยงคำว่า 'ถูก' ออกไปหน่อยก็แล้วกันค่ะ แหะๆ - -"



ระหว่างที่รออาหารจานหลัก พวกเราก็ได้เปิดขนม 'กรอบเค็ม' หรือที่ปัจจุบันเราเรียกกันจนติดปากว่า 'ครองแครง' นั่นเองค่ะ หยิบใส่ปากเคียวไปคำแรก... "อืม... กรอบ??...เรียกครองแครงเถอะ!!" คุณพระ... สัมผัสนี้ ช่างห่างไกลคำว่ากรอบยิ่งนัก... ไม่นานเท่าไหร่ พนักงานก็นำเครื่องดื่มเย็นๆมาเสิร์ฟ ซึ่งพวกเรามากัน 3 คน ก็สั่งกัน 3 อย่างนะคะ มาแลกกันชิม มีน้ำมะตูม น้ำอัญชัน แล้วก็โอเลี้ยงยกล้อค่ะ
น้ำ 3 อย่าง ข้างๆแอบมีครองแครง
หรือ'กรอบเค็ม'โผล่เป็นกับแกล้ม

ในส่วนของน้ำขอไม่พูดถึงมากนัก เพราะก็ค่อนข้างจะเป็นเครื่องดื่มเบสิกนะคะ อย่างโอเลี้ยงยกล้อก็คือโอเลี้ยงที่ใส่นม(ซึ่งตอนที่พนักงานมาเสิร์ฟ ไม่ทราบว่าพนักงานถูกใจเพื่อนของเนมีหรือยังไง แอบทำโอเลี้ยงหกเลอะโต๊ะไปพอสมควร) แต่ที่ถูกใจคือ ในเมนูเครื่องดื่ม มีบอกสรรพคุณทางยาของเครื่องดื่มสมุนไพรต่างๆด้วยค่ะ อย่างมะตูมก็สำหรับแก้ร้อนใน ส่วนใครที่สนใจเรื่องผมก็ต้องน้ำอัญชันเลยค่ะ แต่หลังจากที่ได้ชิมน้ำอัญชันไปแล้ว อยากเตือนทุกคนว่า... ระวังลิ้นม่วงเหมือนเนมีนะคะ



เอาล่ะค่ะ หมดเรื่องน้ำจิ้มๆไปทันทีเมื่อจานหลักที่เราสั่งได้ถูกเสิร์ฟบนโต๊ะ ที่เนมีสั่งมาคือ 'หมี่ขาวต้มยำ' ค่ะ ส่วนของแฟนเนมีก็เหมือนกัน แต่เปลี่ยนเส้นจากหมี่ขาว(หรือเส้นหมี่)ไปเป็นบะหมี่(บะหมี่เหลือง)แทนค่ะ ซึ่งหน้าตาก็จะออกมาแนวๆเดียวกันเลย ก็เลยไม่ได้เอามาลงให้ดู 
แต่ขอนำเสนอเมนูที่น่าสนใจที่เพื่อนเนมีสั่งมาค่ะเรียกว่า 'ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าคั่ว' จริงๆแล้วก็เป็นแค่เมนูธรรมดาสามัญนะคะ ไม่น่ามีอะไรเป็นพิเศษ แต่ที่ชอบคือ รสชาติของเส้นก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ค่ะ เพราะทางร้านจะนำเส้นไปทอดหรือคั่วก่อน ทำให้เส้นหอมและแอบมีความกรอบของแป้งหน่อยๆ อร่อยมากค่ะ ทานกับน้ำราดหน้ารสดีและผักกรอบๆ อร่อยอย่าบอกใครเลยค่ะ
และเมนูสุดท้าย ที่จริงๆแล้วเราตั้งใจสั่งมาเป็นเมนูกินเล่นกันนะคะ มีชื่อว่า 'ปีกไก่ทอดสูตรแม่ปาน' ค่ะ อยากบอกว่า เป็นอาหารทานเล่นที่เสิร์ฟช้ามากกก 
"สูตรนี้แม่ปานทอดเลี้ยงตั้งแต่รุ่น
คุณทวดจนรุ่นเหลน กรอบ เค็มกำลังดี"
ที่สำคัญ วินาทีแรกที่เจ้าไก่น้อยกลอยใจจานนี้มันถูกวางลงบนโต๊ะ ทุกคนพูดออกมาแทบจะเป็นเสียงเดียวกันว่า..."นี่มันปีกลูกเจี๊ยบชัดๆ!!" เล็กมากกกกกก!!! สารภาพว่าเห็นแล้วแอบด่าค่ะ แต่อย่าไปดูถูกหน้าตามันนะคะ กัดไปคำเดียว...หมด!! Oops!! ไม่ใช่ค่ะ ต้องขอบอกว่า "อร่อยเVอร์!!" (แต่คำเดียวหมดนี่พูดจริงนะ) 



วันนี้พวกเรากินกันไปเท่านี้ค่ะ พอกรุบกริบ อิ่มกำลังดี เรื่องรสชาติก็ถือว่าอร่อยใช้ได้นะคะ คือทานได้เลยไม่ต้องปรุงเพิ่มก็อร่อยค่ะ ถ้าเต็ม 10 ก็น่าจะให้ 8.5 - 9 ค่ะ อร่อยๆ ส่วนในเรื่องของการให้บริการนี่... ยังไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่นะคะ เพราะเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มหกเลอะเทอะไปหลายครั้ง(พูดรวมไปถึงโต๊ะอื่นด้วยนะคะ) ซึ่งอันนี้เราพอจะเข้าใจค่ะว่าร้านเปิดใหม่ พนักงานก็อาจจะยังใหม่ เราไม่ถือโทษ แต่ที่อดไม่ได้เลยคือ ทำผิดพลาดแล้วไม่ขอโทษลูกค้า อันนี้คิดว่าไม่ผ่านค่ะ เห็นโต๊ะนึง พนักงานทำน้ำหกทั้งแก้ว อุทานแค่"อุ๊ย!" แล้วก็เอาแก้วนั้นไปเก็บโดยที่เอาแก้วใหม่มาให้ลูกค้าช้ามาก และไม่ได้เช็ดโต๊ะและเก้าอี้ที่น้ำหกเลอะ จนเราเองทนไม่ไหว ต้องยื่นทิชชู่ไปให้ลูกค้าโต๊ะนั้นเช็ดก่อน เพราะเห็นเค้ายืนรออยู่นานมากแล้ว ยังไงก็หวังว่าถ้ามีโอกาสได้ไปที่ร้านอีก จะได้เห็นสิ่งที่ดีขึ้นค่ะ สู้ๆ!!

หลังจากที่อิ่มกับมื้อเที่ยง(?)ไปแล้ว พวกเราก็เดินมาต่อกันที่ตลาดอินดี้วันเสาร์ ชั้นบนสุดของห้างฟิวเจอร์พาร์ค รังสิตกันค่ะ บรรยากาศคึกคักสุดๆ มีของขายอยู่หลายอย่างเลยค่ะ ใครชอบของที่มีเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำใคร แนะนำเลย ตลาดอินดี้
ซื้อปลอกคอให้โฮล์มส์ ><
วันนี้เนมีก็หมดงบไปเยอะเหมือนกันกับตลาดแห่งนี้ พอดีเป็นคนประเภท เห็นกระพรวนไม่ค่อยได้ ต้องวิ่งแจ้นเข้าไปดู แล้วก็จะลงเอยที่การตัดสินใจซื้อซะเป็นส่วนใหญ่ค่ะ อันนี้อยากบอกว่าสงสารเพื่อนกับแฟนมากค่ะ เพราะต้องคอยเป็นสารถีวิ่งตาม+ถือของให้เนมีทั้งที่ตัวเองไม่ได้ซื้ออะไรติดมือกันไปเลย... ช่างเป็นเพื่อนและแฟนที่น่ารักจริงๆ :)
ด้านหลังคนเยอะมากกกก
โฮล์มส์ทำหน้าตาเฉยชามาก T^T
หลังจากไปเดินดูของเพื่อตัวเองซะนาน บังเอิญเดินผ่านร้านขายปลอกคอสัตว์เลี้ยง พอเห็นเข้าก็เลยอดไม่ได้ที่จะแวะดู เป็นปลอกคอแบบผ้านะคะ เป็นรูปปกเสื้อ มีโบว์หูกระต่ายกับเนคไทขายแยกต่างหากเป็นตัวเสริมให้ด้วยค่ะ น่ารักมาก แถมมีให้เลือกหลายไซส์ เนมีก็เลยไปสอยปลอกคอมาให้ 'โฮล์มส์' ลูกชายสุดหล่อของเนมีอีก 1 เส้น(?) บวกกับโบว์หูกระต่ายอีก 1 ชิ้นค่ะ ไม่รู้เค้าจะชอบรึเปล่า แต่ดูจากหน้าแล้วก็... ชอบหน่อยเถอะนะลูก แม่จ่ายไปเยอะ... แต่ยังไงวันนี้เนมีก็ได้อะไรที่ถูกใจมาหลายอย่างล่ะค่ะ โดยรวมก็ถือว่า FIN. อิ่ม ได้ของ และตังค์หมดค่ะ 555 แต่ยังไงก็แนะนำนะคะ ทั้งร้าน 'ก๋วยเตี๋ยวไข่ย้อนยุค' และ 'ตลาดอินดี้' เลยค่ะ น่าจะถูกใจหลายๆคนค่ะ :)

ขอบคุณที่อ่านกันจนจบนะคะ :P
เนมี
( ใครว่างๆก็เข้าไปเยี่ยม Facebook ของเนมีได้นะคะ )